แก้วไวน์แบ่งหยาบๆได้สองชนิดคือ แก้วไวน์แดงและแก้วไวน์ขาว
แก้วไวน์แดง( Red Wine Glass ) เป็นลักษณะเดียวกับ ไวน์ขาว แต่มีขนาดใหญ่กว่า เนื่องจากไวน์แดงนิยมดื่มที่อุณหภูมิห้อง(ฝรั่ง คือ 18-20 องศา) จึงสามารถใช้แก้วขนาดใหญ่กว่าไวน์ขาวเสริฟได้ การรินไวท์ นิยมริน 3/4 ของแก้ว การจับแก้วสามารถจับได้ทั้งก้านและก้นแก้ว เพราะความร้อนจากอุ้งมือมีส่วนช่วยให้อนูกลิ่นลอบขึ้นมาจากเนื้อไวน์ รูปร่างของแก้วไวน์แดง ก้นอาจจะใหญ่และอ้วน ส่วนปากจะแคบและโค้งเข้าหากัน เพราะจะทำให้ผิวหน้าของแก้วไวน์แดง สามารถสัมผัสกับอากาศได้มาก
จะปล่อยกลิ่นขยายสู่จมูก อันเป็นกลิ่นลักษณะเฉพาะตัวของไวน์ขวดนั้น/ปีนั้น /ไร่องุ่นนั้น ได้ออกมารวมตัวที่ปากแก้ว ที่มีส่วนโค้งเข้าหากัน พร้อมจะให้ผู้ดื่ม สูดดมกลิ่นอันหอมกรุ่น
แก้วไวท์ขาว (White Wine Glass ) จะมีขนาดเล็กกว่าแก้วไวน์แดง เนื่องจากไวน์ขาวนิยมดื่มเย็น (5-12 องศา) ถ้าใช้แก้วขนาดใหญ่ใส่ไวท์ขาว
ความเย็นจะกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว ที่เมืองไทยจะรินไวน์ขาว พอคำเท่านั้น(ส่วนตัว) แก้วไวน์ขาวต้องมีลักษณะ บางใส เพื่อดูสีไวท์ได้ถนัด การดื่มไวน์ขาว..ห้ามจับที่ตัวแก้วเด็ดขาด..ต้องจับที่ก้านแก้วเสมอ..(บางคนทำโก้..เอาอุ้งมืออุ้มแก้วเอาไว้-เพราะดูหนังฝรั่งชาติที่ดื่มไวน์ไม่เป็น นึกว่าเค้าทำกันแบบนั้น-ไม่เว้นแม้แต่งานเลี้ยงในสถานทูตก็เคยเห็น) เพราะอุณภูมิจากมือของเรา จะทำให้อุณภูมิของไวน์สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกนั้นมีแก้วแชมเปญ ซึ่งใช้ดื่มแชมเปญ ก็คือไวน์ชนิดหนึ่งนั่นเอง แต่หมักให้เกิดฟอง และผลิตในแคว้นแชมเปญของฝรั่งเศส ถ้าทำที่อื่น ต้องเรียกชื่ออื่น..เพราะคำนี้จดลิขสิทธิ์แล้ว
แก้วเหล้า แชรี่ Sherry ซึ่งก็คือเหล้าทำจากไวน์หมักนาน บางถังอาจจะเป็นร้อยปี ผสมปนกับไวน์อายุน้อยกว่า จะมีกลิ่นหอมของถังไม้โอ๊ค..จะใช้แก้วพิเศษ เล็กขนาดพอจิบได้อึกเดียว ลักษณะบางและทรงยาว
ไม่ว่าจะดื่มไวน์ชนิดใด..ห้ามยกซดหรือเทพรวดเดียวเข้าปาก..ต้องจิบ.. และปล่อยให้ซ่านลงคอช้าๆ..เพื่อซึมซับความหอมและรสชาติ